สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป. มีภารกิจหลักในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อการพึ่งพาตนเองด้านความมั่นคงของชาติอย่างยั่งยืน ภายใต้พระราชบัญญัติเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (Defence Industry) ในประเทศ และประสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เข้าสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ 11 (S-Curve 11) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580)
สทป. ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และส่วนงานที่เกี่ยวข้องกำหนดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป้าหมายที่มีความพร้อมในการผลิตเชิงพาณิชย์ ได้แก่ กระสุน วัตถุระเบิด ยานยนต์ การต่อเรือ และอากาศยานไร้คนขับ มีการกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็น 4 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน (เมษายน – กันยายน 2562) ระยะสั้น 1 ปี (ตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) ระยะกลาง 2 ปี (ตุลาคม 2563 – กันยายน 2565) และระยะยาว 5 ปี (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2570) ทั้งนี้ สทป. อยู่ในระหว่างการเตรียมการจัดทำโครงการนำร่อง จำนวน 8 โครงการ เพื่อตอบสนองและส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยพิจารณาจากขีดความสามารถของเหล่าทัพ และ สทป. รวมถึงความสนใจของภาคเอกชนที่จะร่วมมือกับ สทป. ในการดำเนินการโครงการที่สอดคล้องกับร่างนโยบายและเป้าหมาย ร่างระเบียบหลักเกณฑ์การจัดตั้งนิติบุคคล รวมทั้งการร่วมทุน ถือหุ้น เป็นหุ้นส่วน และร่างระเบียบการผลิตและขาย เพื่อให้ สทป. สามารถดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้
1. โครงการซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ทางทหาร (รถถัง VT4 รถถัง T85 และยานเกราะล้อยาง VN1) ปี 2565 – 2569 เป็นรูปแบบของการจัดตั้งโรงซ่อมบำรุงรถถัง สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกับบริษัทในต่างประเทศ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 และมีแผนการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563
2. โครงการปืนใหญ่และกระสุน เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในประเทศที่เกี่ยวข้อง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 และมีแผนการเริ่มผลิตในไตรมาสที่ 4 ปี 2563
3. โครงการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (Offshore Patrol Vessel : OPV) เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยร่วมกับมิตรประเทศ และมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการร่วมกับอู่ต่อเรือกรุงเทพในระยะเวลาอันใกล้
4. โครงการยานเกราะล้อยางแบบ 4×4 เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับมิตรประเทศ ซึ่งมีแผนจะเริ่มดำเนินการผลิตเพื่อส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 สำหรับประเทศบางประเทศที่มั่นใจมีการวางแผนจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันในระยะเวลาอันใกล้นี้
5. โครงการยานเกราะล้อยางแบบ 8×8 เป็นรูปแบบของการจัดตั้งโรงงานผลิตและตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยจะได้รับการอนุมัติงบประมาณ และทำสัญญาร่วมทุนโรงงานประกอบในไตรมาสที่ 3 ปี 2563
6. โครงการอากาศยานไร้คนขับ (UAV) เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการทำสัญญาร่วมทุนกับโรงงานผลิต และทำสัญญากับตัวแทนจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 และเริ่มแผนการผลิตในไตรมาสที่ 4 ปี 2563
7. โครงการความร่วมมือกับสาธารณรัฐเช็ก รูปแบบการร่วมทุนยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการสรุปแผนการพัฒนาธุรกิจที่จะประกอบการร่วมกับสาธารณรัฐเช็กในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และมีแผนจะคัดเลือกโครงการเพื่อพัฒนารูปแบบและทำสัญญาร่วมทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2563
8. โครงการจรวดเพื่อความมั่นคง เป็นรูปแบบของการเป็นหุ้นส่วนร่วมผลิตและการจัดตั้งตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการสรุปแผนการพัฒนาธุรกิจเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ในเดือนกันยายน 2563
เพื่อให้ สทป. เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีป้องกันประเทศของไทย สู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ 11 (S-Curve 11) ตอบสนองนโยบายการพัฒนาประเทศเพื่อก้าวสู่ Thailand 4.0 ของรัฐบาล และสอดคล้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ตลอดจนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในการนำนวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาต่อยอดและสร้างความมั่นคงด้านการทหารให้กับประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
พลอากาศเอก ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จึงได้ริเริ่มและผลักดันโครงการนำร่องทั้ง 8 โครงการของ สทป. โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา การสร้างต้นแบบวิจัยสู่ต้นแบบอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่าทัพ สนับสนุนการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ในประเทศ ช่วยลดการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนการประกอบกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ บูรณาการความร่วมมือและส่งเสริมกิจการภายในประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยสู่สากลให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
Comment here