“แพรพลอย ช.กังวาน” (ม.กรุงเทพธนบุรี) หรือ แพรพลอย แซ่เอี้ย เจ้าของฉายา “ขวาท่อนซุง” สาวเตะหนุ่มเทเบียร์ งานเข้า ได้ “ชาติซ้าย” สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ช่วยเคลียร์ปัญหากรณี แพรพลอย ถอนตัวไม่ไปสอนมวยที่จีน ลงตัวที่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย 5 หมื่นบาท
“แพรพลอย ช.กังวาน” (ม.กรุงเทพธนบุรี) หรือ แพรพลอย แซ่เอี้ย เจ้าของฉายา “ขวาท่อนซุง” อดีตนักมวยหญิงชื่อดังที่แม้จะเลิกชกมวยไปแล้ว แต่กลับเป็นข่าวดังเมื่อไปเตะสั่งสอนหนุ่มมือบอนเทเบียร์ราดศีรษะ ได้ เข้าพบ “ชาติซ้าย” นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และ ทนายสุกฤษฎิ์ แพรกรีฑาเวศน์ ทนายประจำสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยในกรณีทำสัญญาสอนมวยที่ประเทศจีน แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้เพราะติดโควิด-19 ทำให้ถูกเรียกค่าปรับ โดยทาง “แพรพลอย” ได้ขอความช่วยเหลือ และชี้แจงข้อเท็จจริง และขอความเป็นธรรม พร้อมด้วยคู่กรณี นคน้นทินี จันทษร และทนาย พีรดนย์ สมสกุล ที่บ้านพัก นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ บ้านเลขที่ 8 ซอยวิภาวดี 16 แยก 25 กรุงเทพฯ
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากทาง นคน้นทินี จันทษร เป็นตัวแทนติดต่อให้ “แพรพลอย ช.กังวาน” (ม.กรุงเทพธนบุรี) หรือ แพรพลอย แซ่เอี้ย ไปสอนมวยที่จีน แต่เนื่องจากทาง “แพรพลอย” ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปในปีนี้ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องจำนวนเงินที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ไม่ลงตัวทำให้ต้องมาร่วมหารือกันถึงเรื่องนี้
“ชาติซ้าย” นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางสมาคมฯ พยายามให้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันด้วยดี พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทุกอย่างลงตัว ไม่ให้วงการมวยมีปัญหาเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อยากฝากไว้ว่าถ้าใครจะไปสอนมวยที่ต่างประเทศ อยากจะให้ติดต่อผ่านมาทางสมาคมฯ เพื่อจะได้ทำเรื่องให้ได้อย่างถูกต้อง ไม่มีปัญหาอะไร และถ้าใครจะไปสอนมวยที่ต่างประเทศจะต้องผ่านการอบรมที่ทางสมาคมฯ จัดขึ้นด้วย
“แพรพลอย ช.กังวาน” (ม.กรุงเทพธนบุรี) หรือ แพรพลอย แซ่เอี้ย เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น เริ่มจากเมื่อปีที่แล้ว ในเดือนมี.ค.ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด-19 ระบาด ฟิตเนสปิด ค่ายมวยปิด เมื่อมีคนมาชวนให้ไปสอนมวยที่จีน เลยตัดสินใจที่จะเดินทางไป แต่ติดต่อกันหลายครั้งตลอดปีที่แล้ว ก็ยังไม่ได้เดินทางไป จนมาถึงปีนี้ ตอนต้นปี กำลังจะเดินทางไปแต่พอดีติดโควิด-19 เสียก่อนทำให้เดินทางไปเมืองจีน ไม่ได้ พอมาตอนนี้ ก็ได้รับการติดต่อมาอีกครั้ง ให้ไปสอนมวยที่จีน แต่เราไม่อยากจะเดินทางไปแล้ว เพราะมีเรื่องงานเข้ามาจนไม่สะดวกเดินทาง ทำให้ต้องเสียค่าปรับ ซึ่งคิดว่า ประมาณ 5 หมื่นบาท แต่พอพูดคุยกับทางบริษัทที่จะพาเราไปสอนมวยที่จีน ในเรื่องจำนวนเงินที่ต้องชดใช้ พอรู้เรื่องค่าใช้จ่ายที่เราต้องชดใช้สูงถึง 1.5 แสนบาท ทำให้ตกใจมาก เพราะเรามีรายได้ไม่มากพอที่จะเสียค่าปรับ เลยปรึกษาหัวหน้าค่ายมวยเก่า “โอ๊ต ศิษย์ชาญสิงห์” เจ้าของค่ายมวยศิษย์ชาญสิงห์ เลยแนะนำให้มาขอความช่วยเหลือจากทาง สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และ ทนายสุกฤษฎิ์ แพรกรีฑาเวศน์ จึงได้มาหารือร่วมกันจนได้ข้อสรุปที่ลงตัวทั้งสองฝ่าย
“ตอนนี้ จะพยายามที่จะรับงานที่เกี่ยวกับมวย เพราะอยากมีส่วนช่วยเผยแพร่มวยไทย โดยถ้าจะไปสอนมวยที่ต่างประเทศในอนาคต เราจะต้องไปเข้ารับการอบรมกับทางสมาคมฯ ก่อนส่วนการที่จะกลับไปชกมวย คือ ถ้าใครสนใจติดต่อมาได้ ค่าตัวของแพรพลอย 1 ล้านบาท ต่อไฟท์”
นคน้นทินี จันทษร กล่าวว่า การติดต่อ แพรพลอยไปสอนมวยที่จีน ดำเนินการมานานแล้วแต่ยังไม่เรียบร้อย กว่าจะลงตัว ทางเราไม่ได้ต้องการที่จะมาเกาะน้องดัง เพียงแต่ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย แต่การที่เรามาทำตรงนี้ เพื่อเป็นสื่อกลางให้คนไทยไปสอนมวยที่จีน และให้คนจีนมาฝึกมวยที่ไทย เพราะเรารักกีฬามวย เราอยู่วงการนี้มา 8 ปี ในอนาคตจะมีโครงการที่จะนำคนจีนมาอบรมการฝึกสอนมวยที่ไทย รวมทั้งถ้าแพรพลอยอยากจะกลับมาชกมวยก็พร้อมที่จะติดต่อให้เพราะทางจีนก็สนใจ ที่จะให้แพรพลอยกลับมาชกมวย โดยแพรพลอยได้เรียกค่าตัวไว้ 1 ล้านบาท
ทนายสุกฤษฎิ์ แพรกรีฑาเวศน์ เปิดใจว่า ตอนแรกที่คุยกันได้ตกลงเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่แพรพลอยต้องชดใช้ เป็นจำนวนเดือนละ 3 พันบาท เป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นจำนวน 1 แสนบาท แต่จากการหารือและตกลงกันสรุปสุดท้ายแล้ว ได้ข้อสรุปว่า ทางบริษัทที่เป็นนายหน้าจะลดค่าปรับให้เหลือ 5 หมื่นบาท โดยทางแพรพลอยจะจ่ายเงินค่าปรับให้ เดือนละ 25,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน ก็ถือเป็นการประสานงานที่ลงตัวและทั้งสองฝ่ายค่อนข้างพอใจ อยากฝากไว้ว่า ถ้าใครอยากจะไปสอนมวยที่ต่างประเทศขอให้ศึกษาในเรื่องสัญญาให้ดี ทุกเรื่อง และถ้าใครจะไปสอนมวยขอให้มาเข้ารับการอบรมผู้ฝึกสอนกับทางสมาคมฯ เพื่อความถูกต้อง
Comment here